คุณอุ๋ย รภัสศา ฉลาดยิง คุณแม่ลูก 2 วัย 41 ปี เป็นคน กทม. โดยกำเนิด เรียนจบแค่ปวส. Sbac ช่วงปวช.มีแฟนคือ สามีปัจจุบันนะคะ เรียนปวส.ก็ท้อง ลูกคนแรก ปี 42 ลูกคนโตอายุตอนนี้20ปี ลูกคนที่2 ปี48 อายุ14 ปี
ทำงานการท่าอากาศยานดอนเมือง 3-5ปี. และมาเป็นเจ้าหน้าที่แบงค์ซิตี้แบงค์จ่ายเช็ค 3 ปี และต่อมาได้เปิดร้านขายเสื้อผ้าค่ะ ก็มีรายได้ดีได้จับเงินทุกวันจากนั้นก็ ก็เริ่มออกตามตลาดนัด เริ่มไม่ดูแลสุขภาพค่ะ ตื่น 4:00 น.
เพื่อไปขายตอนเช้า เสร็จรอบเช้า 14:00 น. ก็ไปต่อตลาดเย็น เลิก 4-5 ทุ่ม พักผ่อนน้อยที่สำคัญคือไม่ดูแลโภชนาการเลยอยู่เพื่อกิน น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 75 กก.
และชอบกินของหมักของดองของทอดเข้าร้านสะดวกซื้อก็ต้องมาม่าไส้กรอกชีสจะกินมะม่วงก็ต้องเป็นมะม่วงดองส้มตำก็ต้องใส่หอยดอง ใช้ชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตประจำวัน
บรรพบุรุษที่ไม่เคยมีใครเป็นโรคมะเร็ง จึงทำให้เธอมีความเชื่อคิดว่าตัวพี่จะไม่มีวันเป็นโรคมะเร็งแต่สุดท้ายแล้วด้วยความไม่รักตัวเองไม่ดูแลตัวเองและประกอบกับการกินของพี่ทำให้เธอต้องพบวิกฤติชีวิต ต้องมาตรวจพบมะเร็งโพรงจมูก ลามไปต่อมน้ำเหลือง ช่วงต้นคอ ในต้นปี 59 และเข้ารับการรักษาโดยการฉายแสง และให้คีโม
ซึ่งเธอได้ถามหมอตรงๆ ว่าเธอจะมีโอกาสรอดไหม กี่เปอร์เซ็น หมอได้บอกเธอว่าเธอเองจะมีโอกาสรอด เพียง 20 เปอร์เซ็น ซึ่งแรงผลักดันที่ทำให้เธอต่อสู้ และจะต้องเป็น 1 ใน 20 เปอร์เซ็น เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ คือ "ลูกชาย" และคนที่รัก ทำให้เธออดทนและต่อสู้ยาวนานถึง 8 เดือน ซึ่งการฉายแสงและคีโม
ทำให้ได้รับผลกระทบกับร่างกายคือ
- เธอกลายมาเป็น คนที่ไม่มีต่อมน้ำลาย
- ลิ้นไม่รับรู้รส
- สายตาฝ้าฟาง
- มีสภาวะไตแทรกซ้อน
แต่เธอก็กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง เพราะเป็นเคสมะเร็งลุกลามที่สามารถหายจากการรักษารูปแบบปกติ และหมอได้แจ้งเธอว่า มะเร็งอาจจะกลับมาได้อีกในภายใน 5 ปี และเธอเอง ได้เป็นเคสกรณีศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ได้เรียนรู้วิธีการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งทำให้เธอกลับมามีชีวิตที่สดใสอีกครั้ง
แต่ชีวิตต้องกลับมาพบกับวิกฤติอีกครั้ง ยังไม่ถึง 5 ปี ผ่านมาเพียง 3 เดือนเท่านั้น รอบนี้วิกฤติหนัก เพราะเธอต้องเจอกับมะเร็งที่ร้ายที่สุด คือ "มะเร็งตับระยะสุดท้าย" และมีการลุกลามไปจุดอื่นๆ สภาวะท้องโต จำนวนมาก ซึ่งเธอก็ไปปรึกษาคุณหมอท่านเดิม และก็ได้ถามตรงๆ ไปเหมือนครั้งก่อน ว่าครั้งนี้ เธอจะมีโอกาสรอดไหม หมอเปิดภาพให้ดู แล้วบอกเธอว่า น้ำเหลืองกระจายทั่วท้องแบบนี้ จะรอดอีกหรอ
.
ทำให้เธอถึงต้องช็อก ถึงกับทำอะไรไม่ถูก แต่ด้วยความไม่ยอมแพ้ เพราะยังต้องดูแลลูกๆ
เธอจึงได้ตัดสินใจให้ คีโม อีกครั้ง แต่เพียงเข็มเดียวก็ทำให้เธอต้องเจอผลข้างเคียงที่แพ้มาก จนทนไม่ไหว จึงได้ตัดสินใจหาทางเลือกเพิ่มเติม เมื่อรูปแบบเดิมดูแลมาแล้วไม่ดีขึ้น และไหนๆ ก็ทางหมอบอกไม่รอดอยู่แล้ว เธอจึงได้ คนหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
จนได้มาเจอ "เซอร์นิติน หรือ พอลลิติน" ที่มาเพิ่มโอกาสรอดให้กับชีวิตเธออีกครั้ง จากข้อมูลที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับมะเร็ง และมาตรฐานผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ
ด้วยการที่เธอไม่ยอมเสียเวลา ที่จะต้องมาตัดสินใจ เพราะทุกนาทีที่ตัดสินใจ เท่ากับเวลาที่เธอจะรอดก็ลดน้อยลงไปจึงได้ ตัดสินใจสั่งมาทาน สิ่งที่น่าดีใจคือท้องเธอยุบ ได้ภายใน 1 สัปดาห์ และทานต่อเนื่องไปตรวจไหมค่ามะเร็งตับลดลงไปเรื่อย จนเธอไ่ม่ต้องไปทำเคมีบำบัดอีกเลย
จนปัจจุบันค่ามะเร็งตับกลับมาสู่สภาวะปกติดแล้ว
